top of page
Writer's picturedanpawon

เสียงของผีเสื้อ

บทละคร

เรื่อง เสียงของผีเสื้อ

โดย ชาร์ดอนเนย์


*หมายเหตุ : การอ่านในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอาจทำให้รูปแบบการจัดหน้าคลาดเคลื่อน


ตัวละคร

นักสืบ นักสืบปริศนาผู้ไม่ปรากฏร่างบนเวทีแต่เป็นผู้สนทนากับตัวละครตลอดเรื่อง

โมนาร์ช หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาแสนเศร้า เธอครอบครองความงามที่ชายหญิงทั่วมหานคร

เคออสต่างก็หมายปอง นามของโมนาร์ชมาจากชื่อของผีเสื้อจักรพรรดิซึ่งเป็นผีเสื้อที่

อพยพเก่งที่สุดในโลก คืนหนึ่งเธอเลือกปลิดชีพตนด้วยไซยาไนด์เข้มข้น การจากไป

ของเธอก็ไม่ต่างจากการย้ายถิ่นฐานของแมลงแสนสวยเหล่านั้น ทิ้งไว้เพียงแรง

กระเพื่อมเล็กน้อยของบรรยากาศสังคมอันน่าอึดอัด


แอตตาคัส ชายคู่หมั้นของโมนาร์ช เสนาธิการแห่งมหานครเคออส ชื่อของเขามีความหมายว่า

“ยิ่งใหญ่” เขาเกิดมาพร้อมความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ของวงตระกูลและเขาก็เติบโตมา

ยิ่งใหญ่ดังชื่อ แอตตาคัสเป็นหนุ่มมากความสามารถ อีกทั้งยังเป็นที่รักของทุกคน งาน

อดิเรกของเขาคือสะสมผีเสื้อแสนสวย แอตตาคัสรักโมนาร์ชสุดหัวใจแต่ยังมีปริศนา

อีกมากมายที่เขายังไม่รู้เกี่ยวกับคู่หมั้นของเขา


บริม น้องชายร่วมสายของแอตตาคัสแต่นิสัยต่างกันสุดขั่ว เขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ชื่น

ชอบการผจญภัยไม่ต่างจากนามของเขาที่หมายความว่า ปีก เขาเปรียบเหมือนเจ้าปีก

แสนพยศที่โหยหาความอิสระและยากที่จะกรอบเอาไว้ในกรงขังแสนแคบ เขาเป็นรุ่น

น้องในชมรมเดียวกับที่โมนาร์ชเคยอยู่ เขาศรัทธาในตัวเธอและวิ่งไล่ตามภาพลักษณ์

ของโมนาร์ชที่บันทึกอยู่ในสมุดบันทึกของชมรม จนวันที่เขาได้สนทนากับเธอเท่านั้น

สิ่งที่เขาคิดว่าตนรู้จักเกี่ยวกับโมนาร์ชก็เปลี่ยนไป


เวที

ทางด้านซ้ายและขวาของเวทีจัดฉากคล้ายห้องสอบสวนผู้ร้ายของกรมตำรวจ กลางห้องมีโต๊ะกับเก้าอี้ที่มีพนักพิงเข้าคู่กัน ผู้แสดงจะนั่งหันหน้าเข้าหาผู้ชม เมื่อมีการสนทนาระหว่างนักสืบกับตัวละครในเรื่องก็จะมีแสงไฟสีส้มคล้ายโคมไฟส่องลงมาจากด้านบน ตรงกลางของเวทีเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงภาพความทรงจำของตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ตัวละครบริมจะนั่งอยู่ในห้องสืบสวนฝั่งซ้ายมือ ส่วนแอตตาคัสจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องสืบสวนฝั่งขวามือ


 

เสียงของผีเสื้อ

ฉากเปิด


ณ ห้องสอบสวนสีเทาหม่นฝั่งด้านขวา ไม่ปรากฏเวลาแน่ชัดเพราะไม่มีหน้าต่างหรือเครื่องมืออะไรที่ใช้บอกเวลาได้เลย แอตตาคัส ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมชายชาตรีกำลังนั่งอย่างสุขุมราวกับรอคอยบางอย่าง เขาสวมชุดสูทและผูกไทด์สีดำสง่า แม้จะอยู่ในห้องสืบสวนเล็ก ๆ แต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายเน็คไทด์ออกและยังคงรักษามารยาทอยู่เสมอ ตลอดการสนทนาเขามักจะจับแหวนหมั้นสีเงินหมุนไปมาอย่างลืมตัวราวกับกำลังหวนนึกถึงผู้ที่สวมแหวนอีกวงที่เข้าคู่กันอยู่

ณ เวทีฝั่งด้านซ้าย บริม ชายหนุ่มเจ้าของสีหน้าเศร้าหมองนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ นัยน์ตาของเขาไร้ซึ่งแววสดใสต่างจากเคย เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งแบบไม่มีปก ปลดกระดุมบนสองเม็ด สวมเข้าคู่กับกางเกงสแล็คสีดำสนิท เขาสวมรองเท้าเดินป่าแบบเปิดส้น ดูไม่ทางการแต่ก็ดูออกว่ากำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครารกรุงรัง ริมฝีปากที่เคยอมชมพูเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญตอนนี้กลายเป็นสีซีด และริมฝีปากที่เคยเจือไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ตอนนี้เหยียดเป็นเส้นตรงไร้วี่แววอดีตหนุ่มขี้เล่น ท่าทางการตอบคำถามของเขาคือกุมมือตัวเองวางไว้ที่บนโต๊ะอย่างบริสุทธิ์ใจ

ตรงกลางเวที มีหญิงสาวหน้าตาสดสวยงดงามกว่าใครในมหานครแห่งนี้ เธอไม่พูดจา เอาแต่อมยิ้มน้อย ๆ และขยับเคลื่อนไหวไปมาด้วยร่างเพรียวระหง เสื้อผ้าที่เธอสวมมีระบายพลิ้ว ๆ ล้อไปตามจังหวะและท่วงท่าที่เธอขยับกาย ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่างเงียบเชียบและสง่างามในเวลาเดียวกัน


เปิดเรื่อง


นักสืบ สวัสดีครับทุกท่าน ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากที่ให้ความร่วมมือและตอบรับการ

สืบสวนคดีในครั้งนี้เป็นอย่างดี คดีที่ทุกท่านจะมาร่วมเป็นศักดิ์ขีพยานในวันนี้ มันอาจ

เรียกว่าเป็นคดีได้ไม่เต็มปากนักหรอกครับ ควรเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นโศกนาฏกรรม

เสียมากกว่า ทุกท่านเคยได้ยินเรื่อง ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หรือ Butterfly effect กันหรือ

เปล่าคับ มันคือทฤษฎีที่อ้างถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากตัวแปรเล็ก ๆ คล้ายกับการ

ที่ผีเสื้อขยับปีกครึ่งหนึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงจนก่อให้เกิดพายุครั้งใหญ่ได้ เช่น

เดียวกับการปลิดชีพตนของหญิงสาวนางหนึ่ง นาม “โมนาร์ช” ในโศกนาฏกรรมครั้งนี้

การตายของโมนาร์ชอาจเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมของบรรยากาศสังคม

ที่เธอจากมาก็เป็นได้ เรามาชมกันดีกว่าว่าการจากไปของหญิงสาวรูปโฉมงดงามคนนี้

จะหลงเหลืออะไรเอาไว้บ้าง การตายของเธอส่งเสียงอย่างไรต่อคนรอบข้างของเธอ

บ้าง แต่ที่แน่ ๆ ความตายอันน่าเศร้านั้นนำมาซึ่งข้อกังขาต่อคู่หมั้นของเธอเป็นอย่าง

มาก แอตตาคัสไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้เลยว่าคู่หมั้นที่เขารักสุดหัวใจจะมาด่วนจาก

ไปด้วยน้ำมือของเจ้าหล่อนเอง เขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าจะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง

เหตุการณ์นี้หรือไม่ก็ต้องมีสาเหตุร้ายแรงที่ทำให้เธอเลือกที่จะกระทำเช่นนี้เป็นแน่

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเราในวันนี้

(ไฟดับ)


 

ฉากที่ 2


ณ ห้องสอบสวนสีเทาหม่นฝั่งด้านขวา ไฟส่องลงมาเห็นแอตตาคัสนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้


นักสืบ มีธุระอะไรกับผมหรือคุณเสนาธิการ

แอตตาคัส อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลยคุณนักสืบ

นักสืบ นักสืบต่ำต้อยอย่างผมคงไม่กล้าเดาใจคุณเท่าไรนักหรอกครับคุณเสนาธิการ

แอตตาคัส ผมเชื่อว่าคุณได้ข่าวแล้ว

(แอตตาคัสสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนเป็นการพยายามกดก้อนความเศร้า

และความโกธร ความสับสน ทุกความรู้สึกที่ประทุอยู่ในใจเอาไว้ก่อนพูดต่อด้วยเสียง

นิ่ง ๆ) ผมมาที่นี่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คู่หมั้นของผม

นักสืบ คุณแอตตาคัส ผมต้องเสียใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างล้วนถูกตรวจสอบ

แล้ว มันเป็นไปอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ

แอตตาคัส ผมไม่เชื่อว่าเธอจะจากผมไปทั้งอย่างนั้น! ผมได้เเต่สงสัยว่าทำไมเธอถึงเลือกเส้น

ทางนั้น ผมคิดให้ตายก็คิดไม่ออก ทำไมกัน ทำไมเธอถึงเลือกทิ้งผมไว้ข้างหลังแบบนี้

หึ คุณจะให้ผมให้ทำใจเชื่อว่าเธอเลือกที่จะปลิดชีพตนด้วยไซยาไนด์เข้มข้นพร้อมกับ

ทิ้งแผลใจเรื้อรังที่ผมไม่อาจสมานมันได้ด้วยตัวเองอย่างนี้หรือ ผมทำใจเชื่อไม่ได้

หรอก โมนาร์ชไม่มีทาง ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่

นักสืบ อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้นเล่าคุณเสนาธิการผู้ยิ่งใหญ่

แอตตาคัส ผมไม่เชื่อว่าความตายคือสิ่งที่เธอปรารถนา!

ไม่เชื่อว่าความตายเป็นสิ่งที่เธอต้องการ โมนาร์ชไม่มีทางปลิดชีพตัวเองแน่ ผมอยาก

ไขให้กระจ่างว่าใครกันที่จัดฉากเรื่องนี้ หรือต่อให้เธอฆ่าตัวตายจริง ผมก็อยากรู้

สาเหตุ

นักสืบ คุณแน่ใจหรือว่าคุณพร้อมสำหรับสิ่งที่คุณกำลังค้นหา

แอตตาคัส คุณต้องการสื่ออะไรกันแน่ มันมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังการจากไปของเธอจริง ๆ

ใช่ไหม

นักสืบ เธอฆ่าตัวตาย แอตตาคัส นั่นล่ะสิ่งที่ผมจะสื่อ

แอตตาคัส (แอตตาคัสชะงักไปชั่วครู่ เขาเลือกเลื่อนสายตาไปทางอื่นพร้อมกับแสดงเจตจำนง)

ผมอยากให้คุณรื้อคดี

นักสืบ แอตตาคัส

แอตตาคัส รื้อ! รื้อให้หมด (พูดเสร็จแอตตาคัสก็เหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ เว้นช่วงไปชั่วครู่แล้ว

พูดต่อ) ผมคิดถึงเธอ

นี่ คุณรู้อะไรไหมคุณนักสืบ (แม้แอตตาคัสจะเอ่ยเรียกนักสืบแต่ก็เหมือนเขากำลังรำพึง

กับตัวเองมากกว่า) คู่หมั้นของผมเธอเป็นคนสวย สวยสะดุดตาที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

เลยล่ะ รอยยิ้มของเธอน่ะ งดงามปานล่มเมือง ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ถ้า

หากเธออยากได้หัวเมืองใดมาครอบครอง เเน่นอน ผมจะไม่รอช้า รีบออกไปนำมัน

กลับมาวางใส่มือเธอให้จงได้ หึ ผมหลงใหลความงามของเธอขนาดนั้นเชียวล่ะ เเต่โม

นาร์ชน่ะ เธอไม่เคย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเอ่ยขอสิ่งใดจากผม เธอมักจะสงบนิ่งและ

ส่งรอยยิ้มเเสนเงียบงันมาให้ผมเสมอ คุณรู้อะไรไหม ผมรู้ตัวดีว่าผมหลงรักเธอเพราะ

บรรยากาศสงบ ๆ รอบตัวเธอ มากไปกว่านั้นผมหลงรักเธอก็เพราะแม้เธอจะไม่เคยเอ่ย

ถ้อยวาจาอะไรออกมา แต่เธอก็แสดงผ่านรอยยิ้มให้ผมรับรู้ได้เสมอว่าเรารู้สึกเหมือน

กัน เธออยากอยู่เคียงข้างผมและผมก็อยากอยู่เคียงข้างเธอ พอคิดถึงช่วงเวลาตอน

นั้น มันยิ่งยากต่อการทำใจให้เชื่อว่าเธอจากไปแล้วจริง ๆ

นักสืบ นั่นคือโมนาร์ชในสายตาคุณหรือแอตตาคัส

แอตตาคัส ผมเชื่อว่าเธอรักผม และไม่เคยมีสักวันที่ผมไม่รักเธอ (น้ำเสียงของเเอตตาคัสเเข็งก

ร้าวขึ้นแต่ไม่ตะโกน) เธอไม่ใช่ผู้ที่สมควรตาย แน่นอน กับบางคนความตายอาจนำมา

ซึ่งจุดสิ้นสุด แต่กับเธอ ความตายของเธอไม่ต่างอะไรจากการจุดชนวนระเบิดในใจผม

ผมหยุดคิดถึงมันไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ผมอยากรู้สาเหตุจนแทบจะควบคุมสติไม่

ได้อยู่แล้ว

นักสืบ จุดชนวนงั้นหรือ คุณเลือกใช้คำได้น่าสนใจดีนี่แอตตาคัส (เสียงของนักสืบเหมือนชัก

กำลังพอใจกับการสนทนาเรื่อย ๆ ) ถ้าการตายของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้คุณทุกข์ใจ

ทำไมเราไม่ข้ามจุดนั้นมาหาความหมายจากการตัดสินใจของเธอกันเล่า

แอตตาคัส คุณหมายความว่ายังไง

นักสืบ คุณไม่ใช่คนโง่นี่คุณเสนาธิการ คุณไม่เคยลองคิดว่าหรือความตายของเธอจะมีความ

หมายบางอย่าง หรือบางทีการตายของเธอมันอาจเป็นการส่งเสียงบางอย่างให้เรารับรู้

แอตตาคัส ส่งเสียง? ส่งเสียงอะไรกัน ถ้าเธอต้องการบางอย่างทำไมเธอไม่ก้าวเข้ามาเรียกร้อง

จากผมโดยตรง ทำไมเธอต้องเลือกที่จะจากไปเงียบ ๆ ด้วยไซยาไนด์ที่ผมวางไว้ใน

โหลสตัฟผีเสื้อ

นักสืบ เพราะผีเสื้อพูดไม่ได้ยังไงล่ะ

แอตตาคัส ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไรอยู่

นักสืบ การตายของโมนาร์ชมีความหมาย

แอตตาคัส ความหมายบ้าบออะไร! ยิ่งคิดก็ยิ่งเจอแต่ทางตัน โมนาร์ชน่ะ เธอมีชีวิตที่สมบูรณ์เเบบ

อยู่แล้วแท้ ๆ และผมก็มั่นใจว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะทำให้เธอพอใจได้ ชีวิต

จะต้องการอะไรอีกถ้าไม่ใช่คนรักที่สมบูรณ์เเบบอย่างผม ผมประสบความสำเร็จ ผมมี

บ้านหลังใหญ่โต ผมมีบริวารมากมาย อีกทั้งยังมีเงินทองเหลือเฟือให้ใช้ไม่หวาดไม่

ไหว เมื่อตอนที่เราอยู่ข้างกัน ผมมองเห็นเเม้กระทั่งชีวิตบั่นปลายที่เราสองคนจะใช้

ร่วมกัน เธอจะฆ่าตัวตายทำไมในเมื่อเราต่างก็เติมเต็มซึ่งกันเเละกัน เธอมีความงาม

ส่วนผมมีอำนาจ อะไรจะสุขไปกว่าการตักตวงความสุขจากชีวิตเล่า คุณอยากให้ผม

ตามหาความหมายอย่างนั้นหรือ อยากให้ผมตามหาสิ่งที่เธอต้องการสื่อใช่ไหม ถ้า

เช่นนั้นผมก็อยากถามกลับเหลือเกินว่าเธอยังจะต้องการอะไรอีกในเมื่อเธอมีผมเเล้ว

เธอมีผมอยู่ข้างกายอยู่แล้วแท้ ๆ

นักสืบ โมนาร์ชเธอมีชีวิตของเธอนะแอตตาคัส

แอตตาคัส ชีวิตที่ไม่อยากมีชีวิตน่ะหรือ

นักสืบ คุณคิดอย่างนั้นหรือ

แอตตาคัส คุณก็แค่อยากยั่วอารมณ์ผมไปเรื่อยใช่ไหมคุณนักสืบ แต่อย่างคุณจะรู้อะไร ผมคือคน

ที่รู้จักเธอดีที่สุด

นักสืบ งั้นเล่าเรื่องเธอให้ฟังหน่อยได้ไหมล่ะครับ

แอตาคัส พอกันที ทั้งหมดที่เราคุยกันมามันเกี่ยวกับรูปคดีอย่างไรหรือคุณนักสืบ ผมร้องเรียนให้

มีการรื้อคดีเพื่อหาตัวคนผิด ไม่ใช่ให้คุณมาชวนคุยเรื่องไร้สาระหรอกนะ

นักสืบ คุณรู้อะไรไหม จากประสบการณ์ของผม ในคดีโศกนาฏกรรมการฆ่าตัวตายไม่เคยมี

ใครผิดหรอกนะ แต่ถ้าคุณจะพยายามหาคนผิดจริง ๆ สักวันมันจะวนกลับมาทำร้ายคุณ

เอง ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณอยากที่จะเอาโทษไปทุ่มใส่ใครสักคนที่คุณคิดว่าเป็นตัวการ

ทำให้คนที่คุณรักฆ่าตัวตาย แต่ยิ่งคิดแบบนั้นคุณจะยิ่งเลี่ยงที่จะโทษตัวเองไม่ได้เลย

สำหรับตอนนี้ “ใคร” ไม่ใช่คำถาม แต่ “ทำไม” ต่างหากที่คุณต้องหาคำตอบให้ได้ ผม

ว่าคุณรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าเธอตั้งใจกลืนไซยาไนด์ลงคอแต่คุณไม่อยากทำความเข้าใจ

โมนาร์ชจริง ๆ หรอกหรือ

แอนตาคัส ทำความเข้าใจ

นักสืบ ใช่ มันคงไม่เสียหายอะไรหากคุณเล่าเรื่องคู่หมั้นของคุณให้ผมฟังอีกสักหน่อย

แอตตาคัส ก็ได้ ผมจะเล่าเรื่องราวของเธอให้คุณฟัง ควรเริ่มจากอะไรดี เธองดงาม ใช่ งดงาม

มากจริง ๆ (แอนตาคัสชะงัก) ผะ ผม...

นักสืบ เป็นอะไรไปหรือครับคุณเสนาธิการ

แอนติคัส ผมไม่รู้จักเธอ (ดวงตาของแอตตาคัสเบิกกว้างราวกับพึ่งมองเห็นสิ่งที่ตอนมองข้ามมา

นาน)

คุณนักสืบ ผมขอถอนคำพูด ที่เคยบอกว่าผมรู้จักเธอดี มันไม่จริง ไม่จริงเลย (เขาเริ่ม

นึกย้อนไปถึงอดีตและรำพึงกับตัวเองอีกครั้ง) ผมไม่เคยรู้จักเธอเลย ตัวตนของเธอที่

อยู่ภายใต้ใบหน้ากับรอยยิ้มเเสนสวยนั่น ชีวิตของเธอก่อนที่เราจะมาพบกันหรืออะไร

ก็ตามที่เธอเคยทำก่อนหน้านั้น ผมไม่รู้จักเลย นอกจากหญิงสาวผู้ที่คอยจัดหนังสือบน

โต๊ะทำงานให้ยามที่ผมทำงานหนัก หญิงสาวที่คอยนั่งมองผมทำงานพร้อมกับส่งรอย

ยิ้มน้อย ๆ มาให้ทุกครั้งที่หันไปมอง หญิงสาวผู้ที่คอยดูเเลไม่ให้ผมต้องเหนื่อยหน่าย

กับเรื่องที่บ้าน หญิงสาวคนนั้น เธอไม่เคยเล่าชีวิตก่อนที่เราจะเจอกันมาก่อนให้ผมฟัง

เลย เธอเป็นใครกันนะ หญิงสาวผู้มีนามว่าโมนาร์ชคนนั้น เธอเป็นใคร

(แสงไฟดับ)


 

ฉากที่ 2


ณ ห้องสอบสวนฝั่งด้านซ้ายมือ ไฟส่องสว่างแสดงให้เห็นบริมน้องชายร่วมสายเลือดของแอตตาคัส


นักสืบ เราพบกันอีกแล้วนะครับคุณบริม บริม คราวนี้ที่บ้านผมเอาเรื่องอะไรไปฟ้องคุณอีกล่ะ หรือพี่ชายผมเขาส่งคุณมาใช่ไหม นักสืบ ทั้งถูกและไม่ถูก บริม เฮ้อ น่าเบื่อ ผมไม่อยากเดาแล้วว่าใครส่งคุณมา แต่บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ได้

ไปเที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับคดีของทางการด้วย คุณนักสืบครับ

ผมว่ามันคงไม่มีความจำเป็นต้องให้คุณมาคอยจับตาดูผมเหมือนอย่างเคยแล้วล่ะ นักสืบ ล้อผมเล่นใช่รึเปล่า ฟังดูน่าเหลือเชื่อเหลือเกินที่นายน้อยตระกูลผู้สืบเชื้อสาย

เสนาธิการแห่งมหานครเคออส ผู้รักการผจญภัยสุดหัวใจ จะกลายเป็นคนเก็บตัวไป

เสียแล้ว บริม คุณนั่นแหละที่ล้อผมเล่น ตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ จะออกไปไหนได้อย่างไรกัน

ล่ะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน นักสืบ จะรีบไปไหนกันครับคุณบริม บริม แล้วจะให้ผมอยู่ทำไมกันล่ะครับ ห้องสืบสวนนี้ผมเข้ามาจนเบื่อเสียแล้ว ปล่อยผมไป

เถอะน่า นักสืบ ถ้าผมบอกว่าพี่ชายคุณต้องการรื้อคดีของคู่หมั้น มันจะพอดึงดูดความสนใจของคุณได้

บ้างไหม บริม (มุมปากของบริมกระตุกยิ้มราวกับได้ยินเรื่องตลกร้าย เขาทิ้งตัวพิงพนักอย่างอ่อนแรง

ปนขำฝืด) หึ มีอะไรให้สืบในคดีฆ่าตัวตายด้วยหรือครับ นักสืบ คุณเชื่ออยู่แล้วว่าเธอฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ บริม ถ้าคุณกับพี่ก่อนที่จะมาคุยกับผม ผมว่าคุณคงพอเดาได้แหละว่าเธอกับเขาผูกกันด้วย

ความสัมพันธ์แบบไหน พี่ผมได้พูดไหมว่าเขารักเธอ นักสืบ ใช่ บริม แล้วเขาได้พูดหรือเปล่าว่าเขามีอำนาจ นักสืบ ถูกต้อง บริม งั้นคุณก็คงพอเดาออกใช่ไหมว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นระบอบต่างหากฆ่าเธอ นักสืบ พูดต่อไปสิครับ บริม (บริมแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความเคยชิน มันไม่ใช่กิริยาน่ามองสำหรับบุตรชาย

ตระกูลผู้ดีแต่เขามักเผลอทำเช่นนั้นเวลาเจอเรื่องน่ายุ่งยากใจ บริมถอนหายใจครั้ง

หนึ่งก่อนอธิบาย) โมนาร์ชในสายตาของผมกับพี่ไม่ใช่คนเดียวกันหรอก นักสืบ ในสายตาพวกคุณอย่างนั้นหรือ น่าสนใจดีนี่ บริม สำหรับผมโมนาร์ชเป็นผู้หญิงลึกลับที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ เธองดงามหาใดเปรียบก็

จริง เเต่ผมรู้ดีว่าเบื้องหลังความงามหรือรอยยิ้มแสนดีของเธอต้องบางสิ่งซ่อนอยู่เป็น

เเน่ (บริมเว้นช่วงราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็เอ่ยข้อความบางอย่างด้วย

น้ำเสียงที่คล้ายกับพึมพำกับตัวเอง) บางทีมันอาจเป็นจิตวิญญาณเเห่งผีเสื้อแสนเศร้า

ที่อยากจะโบยบินออกไปสู่โลกกว้างแต่ก็ทำไม่ได้ นั่นสินะ ตัวเธอได้ถูกกักขังเอาไว้ใน

โหลเเก้วเจียรนัย เธอถูกวางเอาไว้ให้ผู้คนชมชอบความงามแค่เพียงเปลือก เพราะ

ผีเสื้อไม่เคยส่งเสียงทำให้ง่ายต่อการสะสม แถมชีวิตก็ปลิดปลิวได้เพียงแค่มนุษย์

สะบัดมือไขว่คว้า ช่างเป็นชีวิตที่น่าเศร้า (บริมเงยหน้าขึ้น) จริงสิ คุณเคยสะสมผีเสื้อ

หรือเปล่าครับคุณนักสืบ นักสืบ ผีเสื้อหรือ? บริม ครับ นักสืบ ไม่เคยหรอกครับ ผมขี้ใจอ่อนน่ะ ผมทำร้ายสัตว์เล็ก ๆ ไม่ลงหรอก บริม ผมรู้จักอยู่คนหนึ่งที่ชอบสะสมผีเสื้อ ผมเคยถามเขาเมื่อนานมาแล้วว่าทำไมถึงชอบจับ

เจ้าแมลงตัวเล็กแสนสวยเหล่านั้นกักไว้ในโหลแก้ว ทำไมถึงโยนผีเสื้อแสนสวยลงใน

ถังไซยาไนด์เพื่อคงความงามของปีกผีเสื้อที่ไร้วิญญาณ ทำไมต้องจัดตรึงมันไว้ใน

กรอบรูป วางประดับตามโถงทางเดิน หรือไม่ก็แขวนเอาไว้กลางห้องรับแขก ยิ่งกรอบ

ไหนที่ตรึงผีเสื้อพันธุ์หายากยิ่งต้องจัดแสดงไว้ในที่ที่ทุกคนมองเห็น ตอนนั้นเขาก็แค่

ยิ้มแล้วให้คำตอบว่า พี่ชอบเพราะมันสวยน่ะ ผมยังจำรอยยิ้มของเขาได้อยู่เลย มันเป็น

รอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ภูมิใจเหลือเกินที่ตนได้ครอบครองสิ่งสวยงามของโลกในนี้ ไร้แล้วซึ่ง

ความรู้สึกผิดที่ฉกฉวยชีวิตของแมลงเหล่านั้นเพื่อมาประดับความพอใจ ใช่ครับ คนนั้น

ก็คือพี่ชายผมเอง แอตตาคัส อ้อ แล้วก็พ่อผมก็เป็นอีกคนที่ชอบสะสมสัตว์ต่าง ๆ เขา

เป็นคนสอนวิธีสตาฟสัตว์ต่าง ๆ ให้กับพี่ผมเอง พ่อบอกว่ามันเป็นรสนิยมของผู้แข็ง

แกร่งน่ะ พ่อได้ส่งต่อระบอบนั้นให้ลูกชายคนโต การครอบครองก็ไม่ต่างอะไรกับความ

สัมพันธ์เชิงอำนาจ แล้วดูสิ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่ได้พ่อมาเต็ม ๆ ในสายตาพี่ชายผม โมนาร์ช คู่หมั้นของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อเเสนสวยที่ขยับ

เพียงเล็กน้อยก็ตราตรึงใจผู้ที่พบเห็น เเละใช่ ผีเสื้อไม่เคยส่งเสียง เธอเองก็เช่นกัน

เธอไม่เคยพูดจาไม่เสนาะหูหรือเรียกร้องสิ่งใดจากพี่เลย ระหว่างที่เราพบปะกันสาม

คน เธอมักเป็นฝ่ายรับฟังพวกเราหารือ หยอกล้อ หรือตอนที่เราทะเลาะกัน เธอมักจะ

เป็นผู้ฟัง อยู่เคียงข้าง เเละไม่เคยสอดมือเข้ามารบกวนพวกเราเลยสักครั้ง นั่นล่ะคือ

ภาพฉายเจ้าสาวในฝันของพี่ชายผมล่ะ หลังจากการหมั้นหมายโมนาร์ชก็ไม่ต่างอะไร

กับผีเสื้อเคลือบไซยาไนด์ที่พี่ชอบ เเต่มันต่างจากผีเสื้อที่ผมเห็นว่าเธอเคยเป็น น่า

เศร้าที่พี่เขาไม่เคยเปิดใจมองด้านอื่นของเธอเลย ด้านที่ผีเสื้อขยับปีกท้าท้องฟ้าสี

คราม นักสืบ คุณพูดราวกับว่าคุณรู้จักเธอดีกว่าพี่ชายคุณ ไหนมาดูกันสิว่าคุณรู้จักเธอดีมากน้อยแค่

ไหน บริม คุณตลกดีนะครับคุณนักสืบ คุณเรียกผมมาที่นี่ก็เพราะพี่ชายสั่งให้คุณรื้อคดี ทั้ง ๆ ที่

คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรให้ต้องตามสืบ งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้าพี่อยากรู้จริง ๆ

ว่าใครฆ่าโมนาร์ช คุณลองฟังเรื่องราวของเธอที่ผมเคยเจอแล้วลองคิดดูว่าผู้ร้ายของ

คดีนี้คือสิ่งใดกันแน่ ใช่ตัวบุคคลหรืออะไรกันแน่ ฟังก่อนแล้วลองตัดสินใจดู


 

ฉากที่ 3


ไฟยังคงส่องที่ห้องสืบสวนด้านซ้ายโดยมีบริมนั่งอยู่บนเก้าอี้สืบสวน ตรงกลางเวทีเปิดไฟสว่างเผยให้เห็นห้องโถงงานเลี้ยงเต้นรำของขุนนางคนหนึ่ง มีผู้คนแต่งกายด้วยเครื่องแบบทั้งสวยงามและประณีต แต่ผู้ที่โดดเด่นที่สุดของงานเลี้ยงนี้คือ โมนาร์ช บริมเริ่มเล่าเรื่อง


บริม พี่ชายผมกับคู่หมั้นพบกัน ณ งานฉลองวันเกิดของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผมที่

ใคร่จะเบื่องานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าผู้ลากมากดีขอตัวปลีกออกจากงานเลี้ยงตั้งแต่

ก่อนงานเริ่มเสียอีก ทราบภายหลังก็พบว่าพี่ชายผมขอเธอหมั้นในวันนั้นแล้ว ยิ่งข่าว

ลือแพร่ไปไกลเหลือเกินว่าพวกเขาเหมาะสมกันนัก ยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้น

เป็นใคร ปรากฏว่าเธอคืออดีตรุ่นพี่ในชมรมท่องเที่ยวซึ่งผมเป็นสมาชิกอยู่ในขณะนั้น

นักสืบ ช่างเป็นพรมลิขิตอันน่าอิจฉาเหลือเกินที่พวกเขาได้พบกันในงานฉลองเอิกเกริกเช่น

นั้น

บริม ผมว่าโศกนาฏกรรมเสียมากกว่า แต่ก็นะ เธอมักจะปรากฏตัวในที่ ๆ เราคาดไม่ถึงเสมอ

นั่นเเหละครับ เหมือนผีเสื้อที่โผบินอย่างอิสระ เเน่วเเน่ ไม่รวนเรเเละงดงามอยู่เสมอ

(เวทีกลางเปลี่ยนเป็นภาพห้องชมรมท่องเที่ยว)

เมื่อทราบข่าวการหมั้นหมายผมก็พยายามหาข้อมูลของเธอให้มากที่สุด ทั้งภูมิ

หลัง ชาติกำเนิด หรืออะไรที่พอจะบ่งบอกตัวตนของเธอคนนั้นได้ ผมได้แต่คิด โดย

ปกติคนที่เป็นสมาชิกชมรมท่องเที่ยวก็ต้องเป็นคนที่มีใจรักอิสระอยู่ไม่น้อย แต่เธอคน

นั้นกลับตกลงปลงใจแต่งงานกับพี่ชายผมที่จบจากโรงเรียนเสนาธิการแบบนั้นมันยิ่ง

น่าแปลกใจ ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือผมเจอหนังสือรุ่นของชมรมเล่มหนึ่งเขียน

บันทึกวีรกรรมต่าง ๆ ของพวกรุ่นพี่ที่ทั้งสนุกสนาน บ้าบิ่น ปฏิเสธความไม่ถูกต้อง

เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก ซึ่งแกนนำของทุกคนก็คือโมนาร์ช ทุก

อย่างมันขัดกับภาพที่เธอนั่งอยู่คียงข้างพี่ชายผมเป็นที่สุด

เดิมชมรมท่องเที่ยวเคยชื่อชมรมผจญภัย ตามชื่อ ทุกคนในชมรมก็ออกผจญภัย

กันจริง ๆ ทั้งทำเรื่องท้าทาย ตั้งคำถามกับสังคมและระบอบต่าง ๆ น่าแปลกใจใช่ไหม

ครับที่โมนาร์ชที่ผมพบว่าเป็นเจ้าของบันทึกการผจญภัยเหล่านั้นเป็นหญิงสาวคน

เดียวกันกับที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมเป็นกำลังใจให้พี่ชายผมในห้องทำงานของเขา เธอ

แทบไม่ใช่คนเดียวกับที่ผมได้อ่านในบันทึก ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยล่ะ ผมคิดว่าส่วน

หนึ่งที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปคือวันที่ชมรมนี้ถูกจับตามองโดยกลุ่มผู้มีอำนาจและสุดท้าย

ก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อและพันธกิจของชมรม

ในบันทึกเธอก็เป็นเหมือนผีเสื้อที่โบยบินอย่างอิสระ โผบินออกไปบนฟ้ากว้าง

เป็นผีเสื้อที่จะงดงามกว่าถ้าหากได้จ้องมองมันจากที่ไกล ๆ เเต่น่าเศร้าที่เธอโผบินจน

ลืมตัว ไม่นานผีเสื้อที่เผยตัวโดดเด่นให้มนุษย์ยลโฉมก็ต้องตกลงไปในโหลไซยาไนด์

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และโมนาร์ชก็คือหนึ่งในนั้น

สุดท้ายเธอหายไปหลายปี ปรากฏตัวอีกทีก็ในงานเลี้ยงและได้พบกับพี่ชายผม

นั่นแหละ


(เสียงเพลงที่ขับร้องโดยโมนาร์ช)

แมว เจ้าเเมวตัวน้อย วิ่งคล้อยลับไปที่บนเนิน

ด้วยอยากรู้เหลือเกิน ว่าผีเสื้อนั้นบินยังไง

โบกปีกกระชับ รับกับสายลมที่พัดช้า...ช้า

สีสันสดตาน่าดู

ย่องไปดูช้า ๆ พลันสายตามาเจอกัน

เจ้าผีเสื้อนั้นพลันโผบินไปไม่เรรวน

เเต่ใจก็อยากเยาะเย้ย

เจ้าเเมวเเสนซุกซนตัวนั้นจึงหันเเล้วบินลงมา

ฉันคือผีเสื้องาม สีสันงดงาม

ท้องฟ้าสีครามกว้างแค่ไหนฉันไม่หวั่น

โบกบินบนท้องฟ้า ล้อลมไปมา

สุขอุราชื่นบานสราญเริงใจ

หาใดมาเปรียบได้กับตัวฉัน นั้นไม่มีใครเลย

เจ้าเเมวทำเมินเฉย แล้วเมินเลยเลิกใส่ใจ

เด็กคนหนึ่งเดินผ่านมา จับผีเสื้อลงใส่ขวดไว้

มันโผไปมาจนสิ้นลม

ลา ลา ลา ลา ลา


บริม เพลงนี้เป็นเพลงที่เธอเคยร้องในห้องนั่งเล่น สารภาพว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน

เสียงจากเธอที่ไม่ใช่จากเสียงที่ใช้ในการสื่อสารปกติ อาจเพราะวันนั้นพี่ชายผมออก

ไปทำงานราชการ อาจเพราะไม่มีคนอื่นนอกจากเรา หรืออาจเป็นเพราะผมได้ยื่นสมุด

บันทึกของชมรมให้โมนาร์ชดู

โมนาร์ช “ฉันว่าเเมวตัวนั้นเหมือนเธอเลยบริม การที่เธอยื่นสมุดเล่มนี้ให้ฉันก็ไม่ต่างจากแมวที่

ออกตามหาผีเสื้อที่มันจินตนาการเอาไว้ อยากรู้อยากเห็นว่าผีเสื้อแสนสวยตัวนั้นบิน

อย่างไร เป็นแมวน้อยที่ตื่นเต้นมากมายที่จะออกมาดูโลกกว้างพร้อมกับการขยับปีก

น้อย ๆ ของเจ้าผีเสื้อ เเต่น่าผิดหวังแทนเจ้าแมวน้อยเสียจริง สิ่งที่มันมองเห็นก็เป็น

เพียงเเค่ผีเสื้อตัวหนึ่งที่ติดอยู่ในโหลเเก้วเท่านั้น เจ้าผีเสื้อที่มันคิดว่างามสง่านอกจาก

ความงามก็ไม่มีอะไรจะไปต่อสู้กับความแข็งแกร่งของโหลแก้วนั้นได้เลย น่าสมเพชว่า

ไหม เจ้าผีเสื้อไม่มีพลังอันใดเลยที่จะผลักให้ตัวโผบินออกจากโหลแก้ว ได้แต่บินไป

มาอยู่อย่างนั้นจนสิ้นใจ...

เธอควรเอาอย่างเจ้าแมวในเพลงนี้นะ เพราะเมื่อเจ้าแมวน้อยมองผีเสื้อจนพอใจ

แล้ว มองจนค้นพบความจริงเเล้วว่าสุดท้ายผีเสื้อเเสนสวยที่มันมองหาไม่ใช่ตัวเดียว

กับภาพที่มันปรารถนา ท้ายที่สุดมันก็หมดความสนใจผีเสื้อตัวนั้นแล้วออกตามหา

ผีเสื้อในจินตนาการของมันต่อไป...”

บริม หลังจากบทสนทนานั้นเธอก็เลือกที่จะปลิดชีพตนด้วยไซยาไนด์เข้มข้น มันเป็นสารตัว

เดียวกับที่พี่ชายผมใช้กับเหล่าผีเสื้อ ผมไม่โทษพี่ชายหรอกที่หละหลวมไม่ยอมเก็บ

สารเคมีอันตรายเหล่านั้นให้ดีจนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แต่ผมโทษอะไรก็ตามที่

กรอบผีเสื้อทุกตัวบนโลกนี้เอาไว้ไม่ให้โผบินอย่างอิสระ ผมไม่อยากเป็นแมวที่เมินเฉย

ต่อผีเสื้อในโหลแก้วเหมือนย่างในเพลง ผมไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับใครอีก

ผมอยากให้คุณนักสืบไปบอกพี่หรือใครก็ตามให้เลิกตามหาว่าใครที่ฆ่าโมนาร์ช แต่

อยากให้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันถึงเวลาที่จะทลายโหลแก้วเจียรนัยเหล่านั้น

แล้วหรือยัง ถึงเวลาที่ทุกคนจะให้อิสระกับผีเสื้อและฟังเสียงของผีเสื้อเหล่านั้นอย่าง

จริงจังหรือยัง

มันถึงเวลาฟังเสียงที่แท้จริงของเหล่าผีเสื้อแล้วหรือยัง...(ไฟดับ)



- อวสาน -



 

20 views0 comments

Comments


bottom of page