top of page
Writer's picturedanpawon

ขอให้สังคมมนุษย์เราอย่าหยุดอ่านหนังสือด้วยเถิด



“You don’t have to burn books to destroy a culture. Just get people to stop reading them.”

-Ray Bradbury

“การอ่าน” สร้างอารยธรรมที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ในขณะเดียวกัน “วัฒนธรรมการอ่าน” กลับเป็นสิ่งที่เปราะบางมากที่สุด จากคำกล่าวของคุณเรย์ แบรดบิวรี (Ray Bradbury) นักเขียนนวนิยายแนวดิสโทเปีย เจ้าของผลงาน "Fahrenheit 451" เขาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรื้อถอนอารยธรรมของเหล่ามนุษยชาติเอาไว้ว่า “ไม่จำเป็นต้องเผาหนังสือเพื่อทำลายสมบัติทางวัฒนธรรม แต่การแผ่วถอนอารยธรรมของสังคมนั้นง่ายดายมาก เพียงแค่ทำให้ผู้คนไม่อยากอ่านหนังสือแล้วเท่านั้นเอง”

เราเห็นด้วยกับคำกล่าวข้างต้น หนังสือไม่ได้บรรจุเพียงแค่ถ้อยคำหรือตัวอักษร แต่มันคือการส่งต่อชุดความคิดของนักเขียนไปสู่นักอ่าน จากสังคมหนึ่งไปสู่สังคมหนึ่งอันนำไปสู่การต่อยอดที่ไม่มีวันสิ้นสุด ดังที่เราเชื่ออยู่เสมอว่า วรรณกรรมเป็นเครื่องมือหนึ่งในการส่งต่อหรือถ่ายทอดวัฒนธรรม เป็น soft power หรือ อำนาจอ่อนที่มีอิทธิพลต่อความคิดความอ่านของคนในสังคม ซึ่งไม่ได้มาในรูปแบบของการบีบบังคับ แต่เป็นตัวผู้อ่านเองที่เลือกเสพวรรณกรรมเรื่องนั้น ๆ ยิ่งถ้าเป็นหนังสือที่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างละเมียดละไม นักเขียนประพันธ์หนังสือเล่มนั้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกรับผิดชอบสังคม และบรรจงคัดกรองข้อมูลโดยถ่ายทอดผ่านการพิจารณาไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตัววรรณกรรมที่ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมแห่งนักอ่านย่อมก่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถสร้างอารยธรรมที่แข่งแกร่งของมนุษยชาติได้ จากคำกล่าวของคุณเรย์ แบรดบิวรี การทำลายหนังสืออาจทำได้เพียงแค่ “ชะลอ” การอ่านของคนในสังคม แต่การ “ทำลายความอยากอ่าน” ของมนุษย์นั้นต่างหากที่น่ากลัวยิ่งกว่า

จากประโยคแรกของบทความ ทำไมเราจึงคิดว่าวัฒนธรรมการอ่านเป็นสิ่งที่เปราะบาง เรามองว่าการสร้างวัฒนธรรมการอ่านล้วนมาจากปัจจัยหลายอย่าง การสร้างความรู้สึกอยากอ่านของผู้คนนั้น “ไม่ได้มาจากแค่หนังสือดี” แต่มันมีปัจจัยในด้านสภาพแวดล้อม สังคมโดยรวมเอื้อให้เกิดสังคมแห่งการอ่านหรือไม่ รวมถึงตัวของผู้อ่านเองที่ให้ความสำคัญกับการอ่านมาน้อยเพียงใด

เรามองว่าวัฒนธรรมการอ่านในสังคมนั้น ๆ สามารถเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงได้หากมีการปลูกฝังของสมาชิกในสังคมที่แข็งแกร่งเพียงพอ กล่าวคือ ทุกคนในสังคมช่วยกันสร้างและประคับประคองให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน แต่มันจะเปราะบางมากถ้าหากผู้คนในสังคมละเลยการอ่านแล้วให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นมากกว่า เช่น ให้ความสำคัญกับการทำมาหากินมากกว่าการอ่านหนังสือ หรือแม้แต่การรู้สึกไม่ชอบและไม่อยากอ่านหนังสือมาตั้งแต่ต้น

เราไม่สามารถตำหนิหรือตราหน้าผู้ที่ไม่อ่านหนังสือได้ เพราะความจริงแล้วการอ่านก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นอภิสิทธิ์ของมนุษย์บางกลุ่มเท่านั้น เช่น การที่บุคคลหนึ่งซื้อหนังสือได้ อาจตีความได้ว่าบุคคลนั้นมีกำลังทรัพย์มากเพียงพอที่จะใช้เงินกับงานอดิเรกได้ในขณะที่อีกหลายคนจำเป็นต้องนำเงินส่วนนั้นมาจุนเจือปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้ การที่บุคคลหนึ่งอ่านหนังสือออก อาจตีความได้ว่าบุคคลนั้นเป็นอภิสิทธิ์ชนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีจึงอ่านหนังสือได้ อ่านดี และอ่านเป็น หรือถ้าหากบุคคลหนึ่งมีเวลาอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งอื่น ก็อาจตีความได้ว่าบุคคลนั้นเป็นกลุ่มผู้ที่มีทรัพยากรเพียงพอในการใช้เวลาตรงนี้แทนการนำไปใช้ทำมาหากินเพื่อการดำรงชีพ เป็นต้น

เราไม่ได้ต้องการทำให้ผู้ที่อ่านบทแสดงความคิดเห็นนี้รู้สึกผิดหรือรู้สึกแย่ที่ตนอ่านหนังสือได้ในขณะที่ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่สามารถยืนในจุดเดียวกัน แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นต่อระบบโครงสร้างของสังคมที่บางครั้งก็ไม่ได้เอื้อให้ผู้คน “อยากอ่านหนังสือ” จุดนี้คือปัญหาทางโครงสร้างที่เราทุกคนต้องร่วมกันแก้ไข มิเช่นนั้นสิ่งที่คุณเรย์ แบรดบิวรี เคยกล่าวเอาไว้ มันอาจเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ แม้เมื่อรู้ตัวก็อาจสายไปเสียแล้ว

เรายังมีความหวังว่าสังคมมนุษย์ที่พวกเราอาศัยอยู่ร่วมกันนี้จะยังคงให้ความสำคัญกับการอ่าน ไม่ถูกผู้มีอำนาจคนใดสั่งห้ามไม่ให้เราอ่านหนังสือ หรือมีสิ่งใดที่เข้ามากระทบใจจนเลิกอ่านหนังสือไปเอง หวังว่าสังคมของเราจะยังคงตระหนักถึงประโยชน์และมีความหวังอยู่เสมอ ดังแนวคิดที่ส่งผ่านมาจากวรรณกรรมเรื่อง "Fahrenheit 451" ของคุณเรย์ แบรดบิวรี ประโยคที่เขากล่าวว่า “You don’t have to burn books to destroy a culture. Just get people to stop reading them.” มันสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ไกลเกินเอื้อม เหตุการณ์การเผาหนังสือเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เราสามารถศึกษาได้จากประวัติศาสตร์ ไม้เด็ดปฏิบัติการแบนหนังสือทรงคุณค่าที่เหล่าทรราชชอบใช้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราอย่างสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ผู้คนเลิกอ่านไปเอง ทั้งที่มาจากการถูกสั่งห้ามแบบทางตรงและการสั่งห้ามแบบทางอ้อม ขอให้สังคมมนุษย์เราอย่าหยุดอ่านหนังสือด้วยเถิด


13 views0 comments

Комментарии


bottom of page